มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมของมูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะทราบถึงแนวทางปฏิบัติของมูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรม ตลอดจนสิทธิตามกฎหมายของผู้ร่วมกิจกรรมในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนี้
(1) มูลนิธิฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็น ตลอดระยะเวลาที่ผู้ร่วมกิจกรรมเป็นผู้ร่วมโครงการ/กิจกรรมกับมูลนิธิฯ และเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นเป็นระยะเวลา 10 ปี เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น หากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ รวมทั้งจัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์หรือตรวจสอบหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้น ทั้งนี้ ภายในอายุความสูงสุดตามกฎหมาย เช่น ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่สัญญาสิ้นสุดลง
(2) มูลนิธิฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของผู้ร่วมกิจกรรมได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว โดยในกรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ผ่านการพิจารณาจากโครงการ/กิจกรรม มูลนิธิฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันสิ้นสุดกระบวนการพิจารณา
มูลนิธิฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ เช่น การดำเนินการโครงการ/กิจกรรมต่างๆ ซึ่งอาจมีขั้นตอนดำเนินงานที่แตกต่างกันออกไป การพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรบุคคลและบุคลากรที่เข้าร่วมโครงการ/กิจกรรม การสื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการ/กิจกรรม หรือการประชาสัมพันธ์ของมูลนิธิฯ การจัดซื้อจัดจ้าง การปฏิบัติตามสัญญาที่ผู้ร่วมกิจกรรมเป็นคู่สัญญากับมูลนิธิฯ การจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมูลนิธิฯ บุคคลหรือนิติบุคคลใด การปฏิบัติตามกฎหมาย การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล การทำธุรกรรมทางการเงิน การประกอบกิจการของมูลนิธิฯ การติดต่อประสานงานในเรื่องต่างๆ ตลอดจนการร่วมกิจกรรมของมูลนิธิฯ
มูลนิธิฯ อาจขอให้ผู้ร่วมกิจกรรมเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมแก่มูลนิธิฯ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างกัน หรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น ซึ่งหากผู้ร่วมกิจกรรมไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ผู้ร่วมกิจกรรมอาจไม่สามารถเป็นผู้ร่วมกิจกรรมของมูลนิธิฯ หรือมูลนิธิฯ อาจไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญากับผู้ร่วมกิจกรรมได้ หรือมูลนิธิฯ อาจไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวได้ เป็นต้น
(1) มูลนิธิฯ อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมไปยังหน่วยงาน หรือ องค์กรที่ดำเนินการกิจกรรมร่วมกันกับมูลนิธิฯ ที่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกิจการตามปกติของมูลนิธิฯ รวมทั้งการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนเซิฟเวอร์/คลาวด์ (server/cloud) ในต่างประเทศ
(2) มูลนิธิฯ อาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมไปยังไปยังหน่วยงาน หรือ องค์กรที่ดำเนินการกิจกรรมร่วมกันกับมูลนิธิฯ ในประเทศไทย หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกิจการตามปกติของมูลนิธิฯ รวมทั้งการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนเซิฟเวอร์/คลาวด์ (server/cloud) ในประเทศไทย
(3) มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานของรัฐ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง การเปิดเผยต่อผู้ตรวจสอบภายนอก เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ตรวจสอบกิจการ ฯลฯ การเปิดเผยเนื่องจากมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นต้น
(4) มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรม ทั้งนี้ เป็นไปเพื่อการสื่อสารและประชาสัมพันธ์โครงการ/กิจกรรมของมูลนิธิฯ ผ่านสื่อมวลชน สื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ และสื่อในช่องทางอื่นๆ เพื่อให้สาธารณชนรับทราบโครงการ/กิจกรรม
ผู้ร่วมกิจกรรมในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล มีสิทธิตาม PDPA ดังนี้
(1) สิทธิขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตน : ผู้ร่วมกิจกรรมมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมที่อยู่ในความรับผิดชอบของมูลนิธิฯ และขอให้มูลนิธิฯ ทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ผู้ร่วมกิจกรรม รวมถึงขอให้มูลนิธิฯ เปิดเผยถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมที่มูลนิธิฯ ได้มา โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้ร่วมกิจกรรม (ถ้ามี)
(2) สิทธิขอคัดค้าน : ผู้ร่วมกิจกรรมมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมในเวลาใดก็ได้ ทั้งนี้ ตามที่ PDPA กำหนด
(3) สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : ผู้ร่วมกิจกรรมมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรม หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวผู้ร่วมกิจกรรมได้ หากมูลนิธิฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยแล้ว หรือเมื่อผู้ร่วมกิจกรรมได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านแล้ว หรือเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยไม่ชอบด้วย PDPA
(4) สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล : ผู้ร่วมกิจกรรมมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่ PDPA กำหนด เช่น เมื่อมูลนิธิฯ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบความเป็นปัจจุบันหรือสมบูรณ์ของข้อมูลส่วนบุคคล หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยไม่ชอบด้วย PDPA หรือมูลนิธิฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยแล้ว เป็นต้น
(5) สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : ผู้ร่วมกิจกรรมมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด โดยสามารถส่งคำร้องมายังมูลนิธิฯ และจะยึดข้อมูลที่ท่านได้แก้ไขครั้งล่าสุดเป็นข้อมูลปัจจุบัน
(6) สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม : ผู้ร่วมกิจกรรมมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมตามที่ PDPA กำหนด อย่างไรก็การเพิกถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบกับผู้ร่วมกิจกรรมได้ ดังนั้นผู้ร่วมกิจกรรมควรศึกษาถึงผลกระทบก่อนที่จะเพิกถอนความยินยอม โดยหากท่านเพิกถอนความยินยอม มูลนิธิฯ จำเป็นต้องระงับสิทธิของท่าน ดังนี้ สิทธิในการเข้าถึงและใช้บริการ สิทธิการรับข้อมูล สิทธิการสมัครและเข้าร่วมโครงการ/กิจกรรมที่มูลนิธิฯ จัดให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สิทธิในการรับงบประมาณ สิทธิการรับการสนันสนุนในโครงการ/กิจกรรมต่างๆ ของท่านและหน่วยงานที่ท่านสังกัด สิทธิการรับทุนการศึกษาและการเป็นนักศึกษาทุน รวมทั้งสิทธิการรับรางวัล/รับการบริจาค จากมูลนิธิฯ ในทุกกรณี
(7) สิทธิร้องเรียน : ผู้ร่วมกิจกรรมมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากผู้ร่วมกิจกรรมเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมกิจกรรมเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1. คุกกี้เซสชัน - เป็นไฟล์คุกกี้ชั่วคราวซึ่งจะถูกลบเมื่อคุณปิดเบราว์เซอร์
2. คุกกี้ถาวร - ไฟล์เหล่านี้จะอยู่ในโฟลเดอร์ย่อยของเบราว์เซอร์ของคุณจนกว่าคุณจะลบออกด้วยตนเองหรือเบราว์เซอร์ของคุณจะลบออกตามระยะเวลาที่มีอยู่ในไฟล์ของคุกกี้ถาวร
การปฏิเสธที่จะยอมรับคุกกี้ สามารถทำได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าเบราว์เซอร์ ซึ่งอาจทำให้ท่านไม่สามารถเข้าถึง เว็บไซต์ (website) และ/หรือบริการของมูลนิธิฯ ได้อย่างสมบูรณ์
มูลนิธิฯ อาจแก้ไขปรับปรุงนโยบายนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการตีความ การบังคับใช้ และการเปลี่ยนแปลง PDPA โดยหน่วยงานของรัฐ (ถ้ามี) ในอนาคต
หากในการที่มูลนิธิฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลใดของผู้ร่วมกิจกรรม มูลนิธิฯ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ร่วมกิจกรรมตาม PDPA มูลนิธิฯ จะขอความยินยอมจากผู้ร่วมกิจกรรมให้ถูกต้องตาม PDPA ด้วย
ผู้ร่วมกิจกรรมในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถขอใช้สิทธิตามข้อ 6 (1)-(7) ข้างต้นได้ โดยยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่อ มูลนิธิฯ ตามแบบฟอร์มที่มูลนิธิฯ กำหนด ไปยังเจ้าหน้าที่ข้อมูลส่วนบุคคลของมูลนิธิฯ (“Data Officer”) ตามที่ปรากฏด้านล่างนี้
อนึ่ง หากในอนาคต เป็นที่ชัดเจนว่ามูลนิธิฯ ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตาม PDPA (“Data Protection Officer” หรือ “DPO”) ด้วย มูลนิธิฯ จะแต่งตั้งบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็น DPO ต่อไป
ดาวน์โหลดแบบฟอร์มขอความยินยอมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562